ĢƵ

กรึϸะมิโนคืออะไร? สารอาหารที่จำเป็นสำหรับทุกชีวิต

กรึϸะมิโนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบเป็นโปรตีนและเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตเรา บทความนี้จะสรุปภาพรวมของกรึϸะมิโน ประเภทของกรึϸะมิโน และบทบาทสำคัญในร่างกาย

กรึϸะมิโนคืออะไร?

กรึϸะมิโนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบเป็นโปรตีน กรึϸะมิโนมีความจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ตั้งแต่จุลินทรีย์ไปจนถึงมนุษย์

กรึϸะมิโนได้มาจากโปรตีนในอาหารที่เรากินในแต่ละวันหลังจากถูกย่อย เมื่อเรากินอาหาร โปรตีนจะถูกย่อยสลายในลำไส้เพื่อผลิตกรึϸะมิโน เมื่อกรึϸะมิโนเหล่านี้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ก็จะผลิตโปรตีนที่จำเป็นสำหรับผิวหนัง ผม กล้ามเนื้อ ฯลฯ ขึ้นมา

กรึϸะมิโนเป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน มีโปรตีนมากกว่า 100,000 ชนิด ซึ่งทั้งหมดประกอบด้วยกรึϸะมิโนเพียง 20 ชนิดเท่านั้น

กรึϸะมิโนคืออะไร

ร่างกายทุกชนิดรวมทั้งมนุษย์มีกรึϸะมิโน 20 ชนิดเหมือนกัน

ชนิด จำนวน และลำดับของกรึϸะมิโนในโปรตีนล้วนถูกกำหนดไว้อย่างแม่นยำ
หากขาดกรึϸะมิโนแม้แต่ตัวเดียว โปรตีนก็จะไม่สามารถสังเคราะห์ได้ และการทำงานของร่างกายทั้งหมดก็อาจได้รับผลกระทบ

กล่าวอีกนัยหนึ่งกรึϸะมิโนเป็นรากฐานของชีวิต

กรึϸะมิโนเป็นสิ่งจำเป็น

กรึϸะมิโนมีอยู่ 20% ของร่างกายมนุษย์?

กรึϸะมิโนคิดเป็นประมาณ 20% ของร่างกายเราตามน้ำหนัก หรือประมาณ 50% ของมวลรวมของร่างกาย กรึϸะมิโนเป็นองค์ประกอบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากน้ำ ร่างกายของคนที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัมจะมีกรึϸะมิโนประมาณ 10 กิโลกรัม

กรึϸะมิโน 20 เปอร์เซ็นต์

กรึϸะมิโนเป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ อวัยวะ ระบบย่อยอาหาร ผิวหนัง กระดูก และเส้นผม รวมถึงเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมน เอนไซม์ และแอนติบอดีที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ดังนั้นการรับประทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี เพราะโปรตีนคือแหล่งของกรึϸะมิโน

กรึϸะมิโน 20 ชนิด

ในจำนวนกรึϸะมิโน 20 ชนิดนั้น ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ XNUMX ชนิด จึงเรียกว่า “กรึϸะมิโนจำเป็น” ส่วนกรึϸะมิโนอีก XNUMX ชนิดที่ร่างกายสังเคราะห์เองได้ เรียกว่า “กรึϸะมิโนที่ไม่จำเป็น”

กรึϸะมิโน 20 ชนิด

กรึϸะมิโนที่จำเป็นคืออะไร?

กรึϸะมิโน 9 ใน 20 ชนิดถือว่าจำเป็นเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้และต้องได้รับจากอาหาร กรึϸะมิโนเหล่านี้จึงจำเป็นหรือขาดไม่ได้

  • histidine

  • Isoleucine

  • Leucine

  • ไลซีน

  • Methionine

  • phenylalanine

  • threonine

  • โพรไบโอ

  • ลีน

กรึϸะมิโนที่ไม่จำเป็นคืออะไร?

กรึϸะมิโนที่เหลืออีก 11 ชนิดสามารถสังเคราะห์จากกรึϸะมิโนอื่นๆ ในร่างกายได้ จึงเรียกว่ากรึϸะมิโนที่ไม่จำเป็นหรือกรึϸะมิโนที่ไม่จำเป็น

  • อะลาȨน

  • อาร์จิȨ

  • asparagine

  • กรึϹอสปาร์ติก

  • cysteine

  • กรึϸลูตามิก

  • กลูตา

  • glycine

  • Proline

  • ซีรีน

  • ไทโรซีน

อย่างไรก็ตามกรึϸะมิโนทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิต

กรึϸะมิโนจำเป็นตามเงื่อนไขคืออะไร?

กรึϸะมิโนที่ไม่จำเป็นบางชนิด เช่น อาร์จิȨน ซิสเตอีน และไทโรซีน เรียกว่ากรึϸะมิโนจำเป็นกึ่งหนึ่งหรือจำเป็นตามเงื่อนไข เนื่องจากระดับของกรึϸะมิโนอาจไม่เพียงพอในช่วงวัยทารก เจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือฟื้นตัวจากการผ่าตัด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรึϸะมิโนแต่ละชนิดได้ที่นี่:

กรึϸะมิโนมีบทบาทอย่างไรในร่างกายมนุษย์?

กรึϸะมิโนมีบทบาทหลักสามประการในร่างกายของมนุษย์เรา

บทบาทของกรึϸะมิโน

การสร้างและซ่อมแซมร่างกาย

กรึϸะมิโนรวมตัวกันเพื่อสร้างโปรตีนที่ไม่เพียงแต่ประกอบเป็นร่างกายของเราเท่านั้น แต่ยังควบคุมการทำงานที่จำเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย คอลลาเจน เคราติน และฮีโมโกลบินเป็นเพียงสามตัวอย่างของโปรตีนในร่างกายมนุษย์

การควบคุมและบำรุงรักษาร่างกาย

กรึϸะมิโนยังควบคุมและรักษาการทำงานของร่างกายโดยการสร้างเอนไซม์หรือฮอร์โมน เช่น ไทรอกซิน อินซูลิน และอะดรีนาลีน

ให้พลังงานแก่ร่างกาย

หน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของกรึϸะมิโนคือการจัดหาพลังงานให้กับร่างกาย โดยทั่วไป ร่างกายที่แข็งแรงจะใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักในการรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตาม โปรตีนและกรึϸะมิโนสามารถใช้เป็นพลังงานได้เมื่อแหล่งพลังงานหลักหมดลงจากการออกกำลังกายอย่างหนัก

กรึϸะมิโนเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับอาหาร

กรึϸะมิโนยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างรสชาติของอาหาร โปรตีนเองมีรสชาติเพียงเล็กน้อย แต่กรึϸะมิโนแต่ละชนิดมีรสชาติเฉพาะตัว ส่วนผสมและอัตราส่วนของกรึϸะมิโนมีอิทธิพลอย่างมากต่อรสชาติของอาหาร กรึϸะมิโนที่รู้จักกันดีที่สุดคือกรึϸลูตามิก ซึ่งเป็นกรึϸะมิโนที่มีหน้าที่สร้างรสชาติอูมามิ หรือรสชาติที่ห้า และยังใช้ในเครื่องปรุงรสอูมามิ AJI-NO-MOTO® อีกด้วย

ปัจจัยในการกำหนดรสชาติอาหาร

เนื่องจากร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์กรึϸะมิโนจำเป็นทั้ง 9 ชนิดได้ เราจึงจำเป็นต้องรับประทานกรึϸะมิโนเหล่านี้เข้าไป การรับประทานอาหารที่มีกรึϸะมิโนจำเป็นครบถ้วนในปริมาณที่สมดุลถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานของร่างกายอย่างเหมาะสม

กรึϸะมิโนจากอาหารต่างๆ

กรึϸะมิโนช่วยให้ได้รับสารอาหารที่สมดุลได้อย่างไร?

โภชนาการที่สมดุลมีความสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดี เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ร่างกายต้องได้รับสารอาหารหลัก 5 ชนิด ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ แนวทางการบริโภคสารอาหารเหล่านี้ที่แนะนำต่อวันนั้นเผยแพร่โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นๆ การไม่รักษาสมดุลของโภชนาการให้ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต

โภชนาการที่สมดุลเพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดี

ในทำนองเดียวกัน รายงานเกี่ยวกับข้อกำหนดการบริโภครายวันของกรึϸะมิโนจำเป็นทั้ง 9 ชนิดได้รับการเผยแพร่ร่วมกันโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) องค์การอนามัยโลก (WHO) และมหาวิทยาลัยแห่งสหประชาชาติ (UNU) รายงานเหล่านี้ใช้ "คะแนนกรึϸะมิโน" เป็นวิธีการประเมินคุณค่าทางโภชนาการของโปรตีนในอาหาร

คะแนนกรึϸะมิโนสำหรับอาหารที่กำหนดจะระบุระดับของกรึϸะมิโนที่จำเป็นแต่ละชนิดที่มีอยู่ในอาหารนั้นเป็นอัตราส่วน (%) โดยสัมพันธ์กับค่าอ้างอิง ตัวอย่างเช่น ไก่ มีคะแนนกรึϸะมิโน 100 ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่มีสัดส่วนที่เพียงพอของกรึϸะมิโนจำเป็นทั้ง 65 ชนิด ในทางตรงกันข้าม ข้าวขาวขัดเงามีคะแนนกรึϸะมิโนอยู่ที่ XNUMX ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการขาดกรึϸะมิโนจำเป็นบางชนิด

ในโปรตีนที่มีคะแนนกรึϸะมิโนน้อยกว่า 100 กรึϸะมิโนจำเป็นที่มีอยู่ในปริมาณต่ำสุดเรียกว่า "กรึϸะมิโนจำกัด" คุณค่าทางโภชนาการของโปรตีนสามารถปรับปรุงได้โดยการเสริมกรึϸะมิโนที่จำกัด

อาหารที่อุดมไปด้วยกรึϸะมิโนจำเป็น

อาหารหลักที่มีคะแนนกรึϸะมิโน 100 (คะแนนเต็ม) ที่อุดมไปด้วยกรึϸะมิโนจำเป็น มีดังนี้

  • ๶Ȩ้อไก่

  • ๶Ȩ้อวัว

  • ๶Ȩ้อหมู

  • ปลา

  • ผลิตภัณฑ์นม

  • ไྺ่ྺาว

ดังนั้นกรึϸะมิโนจำเป็นจึงมีอยู่มากมายในอาหาร เช่น เนื้อ อาหารทะเล ไข่ และนม หากคุณรวมอาหารเหล่านี้ไว้ในอาหารของคุณเป็นประจำ คุณจะได้รับกรึϸะมิโนจำเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ

ใช้ทฤษฎีบาร์เรลเพื่อทำความเข้าใจความสมดุลของกรึϸะมิโนในโปรตีน

การจะรักษาสุขภาพที่ดีได้นั้น จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูงในปริมาณที่เหมาะสมและมีกรึϸะมิโนจำเป็นในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ เมื่อร่างกายได้รับกรึϸะมิโนจำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ร่างกายก็จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดของเสียลงได้ โดยกรึϸะมิโนจำเป็นทั้ง 9 ชนิดนั้นควรได้รับในปริมาณที่แนะนำต่อวัน

ความต้องการกรึϸะมิโนที่จำเป็น

กรึϸะมิโนที่จำเป็น ปี 0.5 เก่า 1 ถึง 2 ปี 3 ถึง 10 ปี 11 ถึง 14 ปี 15 ถึง 18 ปี 18 + ปี
มก./กก./วัน
histidine 22 15 12 12 11 10
Isoleucine 36 27 23 22 21 20
Leucine 73 54 44 44 42 39
ไลซีน 64 45 35 35 33 30
๶มทไธโอȨน+ซิสตีน 31 22 18 17 16 15
ฟีนิลอะลาȨน+ไทโรซีน 59 40 30 30 28 25
threonine 34 23 18 18 17 15
โพรไบโอ 9.5 6.4 4.8 4.8 4.5 4
ลีน 49 36 29 29 28 26
กรึϸะมิโนที่จำเป็น
รวม
377.5 268.4 213.8 211.8 200.5 184

ความสมดุลของกรึϸะมิโนจำเป็นที่พบในอาหารสามารถแสดงได้โดยใช้ภาพของถังไม้ที่ใช้บรรจุน้ำ โดยแต่ละแท่งของถังจะแสดงกรึϸะมิโนจำเป็นเฉพาะหนึ่งชนิด สำหรับอาหารที่มีกรึϸะมิโนสมดุลที่เหมาะสม เช่น ไข่ แท่งทั้งหมดในถังจะมีความสูงเท่ากันและเรียงกันอย่างเรียบร้อย จึงสามารถบรรจุกรึϸะมิโนจำเป็นทั้งเก้าชนิดลงในถังได้จนเต็มถัง ซึ่งแสดงว่ากรึϸะมิโนจำเป็นทั้งเก้าชนิดสามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ในกรณีของข้าวสาลี แท่งบางแท่งจะสั้นกว่าแท่งอื่น ดังนั้น จึงสามารถบรรจุกรึϸะมิโนในถังได้เพียงเท่าแท่งที่สั้นที่สุดเท่านั้น (ซึ่งสอดคล้องกับกรึϸะมิโนที่จำกัด) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการขาดกรึϸะมิโนชนิดใดชนิดหนึ่งยังจำกัดปริมาณกรึϸะมิโนชนิดอื่นๆ ที่มีอยู่ด้วย ในทำนองเดียวกัน หากกรึϸะมิโนจำเป็นขาดหายไปแม้แต่หนึ่งชนิด ถังจะไม่สามารถบรรจุน้ำได้เลย ซึ่งแสดงว่ากรึϸะมิโนชนิดอื่นๆ ไม่สามารถนำไปใช้ได้อีกต่อไป จึงไม่สามารถนำไปใช้ได้และจะถูกขับออกมาเป็นของเสีย

ดังนั้น ในกรณีของข้าวสาลี ลองพิจารณาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการเสริมกรึϸะมิโนที่มีขีดจำกัดอย่างไลซีน ไม้เท้าไลซีนจะสูงขึ้น ทำให้ถังกักเก็บน้ำได้มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าขณะนี้กรึϸะมิโนอื่นๆ ก็มีอยู่ในปริมาณที่สูงกว่า และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กรึϸะมิโนที่จำเป็นอยู่ที่นั่น

“ทฤษฎีถัง” นี้ถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงโภชนาการในหลายประเทศที่มีโภชนาการที่ไม่ดี อันเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านสังคม

ความพยายามของกลุ่มอายิโนะโมะโต๊ะในการแก้ไྺปัญหาการขาึϸารอาหารใȨอฟริกา

หลายประเทศในแอฟริกาประสบปัญหาพัฒนาการของทารกที่ไม่ดีเนื่องจากขาดสารอาหาร ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตสูง

ในกานา ข้าวต้มข้าวฟ่างแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “โกโก้” มักรับประทานเป็นอาหารเสริม และมักให้ทารกและเด็กเล็กรับประทาน อย่างไรก็ตาม คะแนนกรึϸะมิโนของโกโก้แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสารอาหารและคำแนะนำด้านโภชนาการขององค์การอนามัยโลก

เพื่อแก้ไขช่องว่างทางโภชนาการนี้ กลุ่ม ĢƵ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ พัฒนา KOKO Plus®1ซึ่งเป็นอาหารเสริมที่มีกรึϸะมิโนและโปรตีนจากถั่วเหลือง ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงโภชนาการในทารกและเด็กเล็ก เมื่อเติมโกโก้ระหว่างปรุงอาหาร KOKO Plus® จะให้ความสมดุลที่ดีของกรึϸะมิโนที่จำเป็น พร้อมด้วยแคลเซียม เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน กรดโฟลิก วิตามิน A, B1, B2, B6, K1, D3, B12 และไนอาซิน ในปี 2018 โครงการอาหารโลก (WFP) ตรวจสอบประสิทธิภาพของ KOKO Plus® และขึ้นทะเบียนเป็น "ผงมีคุณค่าทางโภชนาการ" ในตะกร้าอาหาร

1 ในปี 2017 กลุ่มบริษัท ĢƵ ได้โอนบทบาทหุ้นส่วนอย่างเป็นทางการในโครงการปรับปรุงโภชนาการของประเทศกานาให้กับมูลนิธิ ĢƵ

อาหารที่มีไลซีนสูงซึ่งมักพบในอาหารประจำวันของเรา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ เนื้อ ปลา และถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม ข้าวมีไลซีนต่ำ ดังนั้นการกินข้าวร่วมกับผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น มิโซะและเต้าหู้จึงมีประโยชน์ เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้รับกรึϸะมิโนจำเป็นอย่างครบถ้วน เพื่อให้มีสุขภาพดี สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานอาหารที่มีกรึϸะมิโนจำเป็นครบถ้วน

ĢƵ Group สนับสนุนชีวิตที่มีสุขภาพดีของผู้คนทั่วโลกด้วยการปลดล็อกพลังของกรึϸะมิโน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางด้านโภชนาการของเราได้ที่นี่

The ĢƵ Group is contributing to the well-being of all human beings,
our society and our planet with "AminoScience".